การใช้ SiP เซลลูลาร์และ GPS เพื่อติดตามทรัพย์สินสำหรับการเกษตรและเมืองอัจฉริยะอย่างรวดเร็ว

By Stephen Evanczuk

Contributed By DigiKey's North American Editors

นักพัฒนา Internet of Things (IoT) และระบบและอุปกรณ์ติดตามทรัพย์สินสำหรับอุตสาหกรรม การเกษตร และเมืองอัจฉริยะต้องการวิธีการสื่อสารทางไกลด้วยกำลังไฟน้อยเป็นระยะเวลานาน เทคโนโลยีไร้สาย เช่น แท็ก RFID, บลูทูธ และ Wi-Fi นั้นถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางสำหรับการติดตามทรัพย์สิน แต่ก็มีระยะทางที่จำกัดและใช้พลังงานมากเกินไป สิ่งที่จำเป็นคือการผสมผสานของ GPS และการปรับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เครือข่ายเซลลูลาร์ที่มีการปรับใช้กันอย่างแพร่หลายอยู่แล้วและได้รับการออกแบบสำหรับการสื่อสารระยะไกลกว่า Wi-Fi หรือบลูทูธ

แต่เดิมเครือข่ายเซลลูลาร์ LTE ออกแบบสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายแบนด์วิดท์กว้างสำหรับอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์เคลื่อนที่ ในทางกลับกันการใช้งาน IoT สามารถใช้เทคโนโลยีเซลลูลาร์แบนด์วิธแคบที่ใช้พลังงานต่ำ เช่น วิวัฒนาการระยะยาวสำหรับเครื่องจักร (LTE-M) และ IoT แบนด์แคบ (NB-IoT) แต่การออกแบบ RF/ไร้สายก็ยังคงยากลำบาก และนักพัฒนายังขาดประสบการณ์ที่ครอบคลุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับเซลลูลาร์ ซึ่งพบกับความยุ่งยากเป็นอย่างยิ่งในการปรับใช้การออกแบบการทำงานที่เพิ่มประสิทธิภาพระบบไร้สายและการใช้พลังงาน ในขณะเดียวกันก็เป็นไปตามหลักข้อบังคับสากลสำหรับบริการระบุตำแหน่งเซลลูลาร์และ GPS ตลอดจนข้อกำหนดเฉพาะของผู้ให้บริการ

บทความนี้กล่าวถึงแนวโน้มและข้อกำหนดการออกแบบของระบบติดตาม จากนั้นจะแนะนำโซลูชัน System in Package (SiP) เซลลูลาร์แบนแคบและ GPS จาก Nordic Semiconductor และแสดงให้เห็นว่าการนำอุปกรณ์เซลลูลาร์ที่ใช้ GPS สำหรับการติดตามทรัพย์สินและการใช้งาน IoT ในด้านการเกษตรและในเมืองอัจฉริยะแบบอื่น ๆ มาใช้งานให้ง่ายขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร

เหตุใดการติดตามทรัพย์สินจึงมีความสำคัญมากขึ้น

ความสามารถในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากในเชิงพาณิชย์: เฉพาะ Amazon เองมีการส่งออกพัสดุถึง 5 พันล้านชิ้นโดยประมาณในปี 2019 โดยมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งเกือบถึง 38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 37% จากปี 2018 สำหรับบริษัทขนส่ง ความล่าช้า ความเสียหาย ความเสียหาย และการโจรกรรมสร้างความตึงเครียดให้กับผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และลูกค้า ใน Amazon เกือบหนึ่งในสี่ของพัสดุนั้นถูกส่งกลับ โดย 21 เปอร์เซ็นต์ในนั้นเนื่องมาจากลูกค้าได้รับพัสดุเสียหาย

Amazon ไม่ได้จัดสรรงบประมาณให้กับการจัดส่งเพียงอย่างเดียว จากสถานะของโลจิสติกส์ปี 2020 ที่มาจากสภาวิชาชีพชั้นสูงด้านการจัดการโซ่อุปทาน (Council of Supply Chain Management Professional : CSCMP) บริษัททั้งหลายใช้เงินเกือบ 1.7 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐไปกับค่าขนส่งในปี 2019 โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นที่คิดเป็น 7.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ของสหรัฐฯ ในระดับเหล่านี้ ความสามารถในการติดตามพัสดุ ระบุความล่าช้า และความเสียหายอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ซัพพลายเออร์และผู้ซื้อในการแก้ไขปัญหาการจัดส่ง

นอกเหนือจากการติดตามแพ็คเกจผ่านซัพพลายเชนแล้ว องค์กรส่วนใหญ่ยังต้องการวิธีที่ดีขึ้นสำหรับการติดตามทรัพย์สินของตนเองและค้นหารายการที่จัดส่งผิด แต่ครึ่งหนึ่งของธุรกิจทั้งหมดยังคงบันทึกสินทรัพย์ด้วยตนเอง และในจำนวนนี้หลายแห่งต้องพึ่งพาพนักงานในการค้นหาในคลังสินค้า โรงงาน และสถานที่ต่าง ๆ เพื่อค้นหาทรัพย์สินที่หายไป

การเปรียบเทียบเทคโนโลยีการเชื่อมต่อสำหรับการติดตามทรัพย์สิน

แม้ว่าจะมีโซลูชันมากมากเกิดขึ้นเพื่อช่วยติดตามสินค้าอัตโนมัติ เทคโนโลยีที่สำคัญก็มีพื้นที่การคลอบคลุมที่จำกัด ราคาต่อหน่วยแพง หรือการใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งอย่างหลังนั้นมีความสำคัญมาก เนื่องจากการติดตามทรัพย์สินและอุปกรณ์ IoT ระยะไกลเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่

วิธีการติดตามแบบเดิมที่อาศัยการระบุความถี่วิทยุแบบพาสซีฟ (RFID) ไม่สามารถให้ข้อมูลการขนส่งในขณะนั้น และจะต้องให้พัสดุผ่านจุดตรวจบ้างจุด เพื่อตรวจจับแท็ก RFID ที่ติดมากับพัสดุ แท็ก RFID แบบแอคทีฟที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่สามารถให้ข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ แต่จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม และยังคงมีการคลอบคลุมพื้นที่จำกัด

เมื่อเทียบกับแท็ก RFID บลูทูธพลังงานต่ำ (BLE) และ Wi-Fi มีช่วงการคลอบคลุมที่กว้างขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในพื้นที่ที่มีตัวระบุตำแหน่งของแต่ละเทคโนโลยี การสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ของอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ BLE และ Wi-Fi สามารถใช้ในการใช้งานที่มีตำแหน่ง เช่น การติดตามผู้ที่สัมผัส COVID-19 และบริการติดตามตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (RTLS) ตามลำดับ ด้วยความพร้อมของคุณสมบัติการค้นหาทิศทางในบลูทูธ 5.1 สามารถคำนวณตำแหน่งของแท็กจากข้อมูลมุมที่มาถึง (AoA) และมุมที่จากไป (AoD) (รูปที่ 1)

แผนภาพของความสามารถในการค้นหาทิศทางขั้นสูงในบลูทูธรองรับการตำแหน่งที่แม่นยำรูปที่ 1: แผนภาพของความสามารถในการค้นหาทิศทางขั้นสูงในบลูทูธรองรับการตำแหน่งที่แม่นยำของแท็กในพื้นที่สามมิติ (แหล่งรูปภาพ: Nordic Semiconductor)

ขณะที่การใช้งาน BLE ยังคงจำกัดการใช้งานในระยะสั้น ระยะที่กว้างกว่าของ Wi-Fi ทำให้การใช้งานติดตามทรัพย์สินภายในคลังสินค้าหรือภายในเขตขององค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่แท็ก Wi-Fi RTLS โดยปกติแล้วจะมีราคาแพงและมีข้อจำกัดด้านพลังงานที่ทำให้ไม่สามารถใช้แบตเตอรี่ได้ ดังนั้นจึงใช้เพื่อติดตามทรัพย์สินที่มีขนาดใหญ่และมีราคาแพง ในขณะเดียวกัน การปรับใช้ในระดับที่ใหญ่ขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของสัญญาณรบกวนในแบนด์วิดท์ที่รับสัญญาณ ซึ่งอาจทำให้พัสดุสูญหายหรือเสียหายและความสามารถในการตรวจจับตำแหน่งที่ลดลง

แม้จะมีศักยภาพในการติดตามทรัพย์สินในพื้นที่ แต่ทั้ง RFID, BLE หรือ Wi-Fi ก็ไม่สามารถให้ครอบคลุมพื้นที่ที่จำเป็นในการติดตามทรัพย์สินได้อย่างง่ายดาย เมื่อออกจากคลังสินค้าหรือเขตขององค์กร ความสามารถในการติดตามพัสดุหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ในระดับภูมิภาคหรือทั่วโลกขึ้นอยู่กับความพร้อมใช้งานของเทคโนโลยีไร้สายที่สามารถเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางและใช้พลังงานต่ำ

ทางเลือกที่ใช้เทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ (UWB) พลังงานต่ำสามารถครอบคลุมระยะที่สำคัญได้แต่การครอบคลุมของเครือข่ายยังคงจำกัด ในความเป็นจริงมีทางเลือกไม่กี่ทางที่มีอยู่ที่สามารถให้บริการครอบคลุมทั่วโลกด้วยโซลูชันเซลลูลาร์เครือข่ายบริเวณกว้าง (LPWAN) ที่ใช้พลังงานต่ำตามมาตรฐานเทคโนโลยี LPWAN ที่กำหนดโดย 3rd Generation Partnership Project (3GPP) ซึ่งเป็นสมาคมระหว่างประเทศที่กำหนดมาตรฐานการสื่อสารเคลื่อนที่

การเข้าถึงทั่วโลกด้วยการเชื่อมต่อเซลลูลาร์

ในบรรดามาตรฐาน 3GPP มาตรฐานที่ใช้เทคโนโลยี LTE-M และ NB-IoT ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้โปรโตคอลเซลลูลาร์ที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งตรงกับข้อกำหนดของ IoT สำหรับอัตราข้อมูล แบนด์วิดท์ และการใช้พลังงาน

จากที่กำหนดใน 3PPP ฉบับที่ 13 LTE Cat M1 เป็นมาตรฐาน LTE-M ที่รองรับการถ่ายโอนดาวน์ลิงก์และอัปลิงค์ที่ 1 เมกะบิตต่อวินาที มีค่าเวลาแฝง (Latency) 10 ถึง 15 มิลลิวินาที และแบนด์วิดท์ 1.4 เมกะเฮิร์ต (MHz) นอกจากนั้นยังกำหนดใน 3PPP ฉบับที่ 13 ว่า Cat-NB1 เป็นมาตรฐานที่มีความเร็วดาวน์ลิงก์ 26 กิโลไบต์/วินาที (Kbits/s) และความเร็วอัปลิงก์ 66 Kbits/s ด้วยค่าเวลาแฝง 1.6 ถึง 10 วินาที และแบนด์วิดท์ 180 กิโลเฮิร์ต (kHz) ใน 3PPP ฉบับที่ 14 เกี่ยวกับมาตรฐาน NB-IoT อีกมาตรฐานหนึ่งคือ Cat-NB2 ที่มีอัตราข้อมูลสูงกว่าที่ดาวน์ลิงก์ 127 Kbits/s และอัปลิงก์ 159 Kbits/s

แม้ว่าลักษณะเฉพาะของเทคโนโลยี LPWAN ทั้งสองประเภทกว้าง ๆ นั้นจะอยู่นอกเหนือขอบเขตของบทความสั้น ๆ ฉบับนี้ แต่ทั้งสองประเภทสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานการติดตามทรัพย์สินทั่วไป เมื่อรวมกับเซ็นเซอร์และความสามารถของดาวเทียมระบุตำแหน่งทั่วโลก (GPS) ในขนาดกะทัดรัด โซลูชันการติดตามทรัพย์สินที่ใช้ LPWAN เซลลูลาร์ที่ใช้ LTE-M หรือ NB-IoT สามารถรองรับความสามารถที่จำเป็นสำหรับการจัดการทรัพย์สินและโลจิสติกส์แบบครบวงจร

ด้วยศักยภาพของ LPWAN ในการพัฒนาประสิทธิภาพและการประหยัดค่าใช้จ่าย LPWAN เซลลูลาร์ยังคงมีบทบาทมากขึ้นในด้านโลจิสติกส์ ด้วยความพร้อมใช้งานของ  SiP รุ่น nRF9160 จาก Nordic Semiconductor นักพัฒนาสามารถตอบสนองความต้องการอุปกรณ์ที่ใช้ LPWAN ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวจำเป็นสำหรับการติดตามทรัพย์สินหรือการใช้งาน IoT อื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อุปกรณ์ SiP สามารถส่งมอบโซลูชันการติดตามทรัพย์สินแบบดร็อปอินได้อย่างไร

อุปกรณ์ SiP nRF9160 พลังงานต่ำของ Nordic Semiconductor รวมอุปกรณ์ระบบบนชิป (SoC) รุ่น nRF91 ของ Nordic Semiconductor กับวงจรสนับสนุนเพื่อที่จะได้โซลูชันการเชื่อมต่อ LPWAN สำเร็จในแพ็คเกจแบบ Land Grid Array (LGA) ขนาด 10 x 16 x 1.04 มิลลิเมตร (มม.) ควบคู่ไปกับไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ใช้ Arm® Cortex®-M33 สำหรับการประมวลผลแอปพลิเคชัน อุปกรณ์ SoC ชุด nRF91 รวมกับโมเด็ม LTE-M ใน SiP NRF9160-SIAA, โมเด็ม NB-IoT ใน SiP NRF9160-SIBA และทั้งโมเด็ม LTE-M และ NB-IoT รวมทั้ง GPS ใน SiP NRF9160-SICA นอกจากนั้น SiP nRF9160 ได้รับการรับรองล่วงหน้าเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดเซลลูลาร์ระดับโลก ระดับภูมิภาค และข้อกำหนดของผู้ให้บริการ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้งานโซลูชันการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่เกิดความล่าช้าที่มักจะเกี่ยวข้องกับการทดสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนด

SiP ทุกเวอร์ชันรวมตัวประมวลผลแอปพลิเคชันที่ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์กับโมเด็มพร้อมชุดอุปกรณ์ต่อพ่วงมากมายประกอบด้วยตัวแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอล (ADC) 12 บิตที่มักจำเป็นในการออกแบบเซ็นเซอร์ SiP รวม SoC เข้ากับ RF Front End, วงจรรวมจัดการวงจร (PMIC) และอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อสร้างโซลูชันแบบครอปอินสำหรับการเชื่อมต่อ LPWAN (รูปที่ 2)

ไดอะแกรม SiP รุ่น nRF9160 ของ Nordic Semiconductorรูปที่ 2: SiP รุ่น nRF9160 ของ Nordic Semiconductor รวม SoC กับตัวประมวลผลแอปพลิชันและโมเด็ม LTE กับส่วนประกอบอื่น ๆ ที่จำเป็นในการใช้การออกแบบที่ใช้เซลลูลาร์พลังงานต่ำขนาดกะทัดรัดสำหรับการติดตามทรัพย์สินหรือการใช้งาน IoT อื่น ๆ (แหล่งรูปภาพ: Nordic Semiconductor)

ไมโครคอนโทรลเลอร์ของ SoC ที่ทำหน้าที่เป็นตัวประมวลผลโฮสต์มีความสามารถด้านความปลอดภัยมากมายที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ IoT และระบบติดตามทรัพย์สิน จากสถาปัตยกรรม Arm TrustZone ไมโครคอนโทรลเลอร์จะฝังบล็อกความปลอดภัย Arm Cryptocell ที่มีตัวเร่งการเข้ารหัสกุญแจสาธารณะพร้อมกลไกที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน นอกจากนี้หน่วยจัดการกุญแจที่ปลอดภัย (KMU) ยังมีพื้นที่จัดเก็บที่ปลอดภัยสำหรับข้อมูลลับหลายประเภทรวมถึงคู่รหัส รหัสแบบสมมาตร แฮช และข้อมูลส่วนตัว นอกจากนี้หน่วยป้องกันระบบแยกต่างหาก (SPU) ยังให้การเข้าถึงความความจำ อุปกรณ์ต่อพ่วง พินอุปกรณ์และทรัพยากรอื่น ๆ อย่างปลอดภัย

เมื่อทำงาน ไมโครคอนโทรลเลอร์ SoC จะทำหน้าที่เป็นโฮสต์เรียกใช้ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชั่นตลอดจนเริ่มและหยุดโมเด็ม นอกเหนือจากการตอบสนองต่อคำสั่งเริ่มต้นและหยุดจากโฮสต์แล้ว โมเด็มยังจัดการการทำงานของตัวเองโดยใช้ส่วนเสริมที่สำคัญของบล็อก ซึ่งรวมถึงโปรเซสเซอร์เฉพาะ ตัวรับส่งสัญญาณ RF และเบสแบนด์โมเด็ม เมื่อใช้เฟิร์มแวร์ในตัว โมเด็มจะรองรับ Cat-M1 และ Cat-NB1 ที่เป็นไปตาม 3GPP LTE ฉบับที่ 13 อย่างเต็มที่ ฮาร์ดแวร์นั้นรองรับ Cat-NB2 ฉบับที่ 14 แต่ต้องใช้เฟิร์มแวร์เพิ่มเติมเพื่อใช้งาน

วิธีที่ SiP nRF9160 มีการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ที่ใช้พลังงานต่ำ

SiP nRF9160 รวมฟังก์ชันฮาร์ดแวร์ที่ครอบคลุมเข้ากับคุณสมบัติการจัดการพลังงานครบชุด ซึ่งประกอบไปด้วย PMIC ที่มีหน่วยจัดการพลังงาน (PMU) รองรับ ซึ่งจะคอยตรวจสอบการใช้พลังงาน และเริ่มและหยุดสัญญาณนาฬิกาและตัวควบคุมการจ่ายไฟโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ใช้พลังงานต่ำที่สุด (รูปที่ 3)

แผนภาพของ Nordic nRF9160 SiP พร้อมทั้ง PMUรูปที่ 3: nRF9160 SiP มี PMU ที่ควบคุมสัญญาณนาฬิกาและตัวควบคุมการจ่ายไฟโดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (แหล่งรูปภาพ: Nordic Semiconductor)

นอกเหนือจากโหมดการใช้พลังงาน System OFF ซึ่งจะรักษาพลังงานไว้เฉพาะวงจรที่จำเป็นต้องกระตุ้นอุปกรณ์ หน่วย PMU ยังรองรับโหมดการใช้พลังงานย่อย System ON อีกคู่หนึ่ง หลังจาก Power-on Reset (POR) อุปกรณ์จะอยู่ในโหมดย่อยพลังงานต่ำ ซึ่งปรับค่าบล็อกการทำงานรวมถึงตัวประมวลผลแอปพลิเคชัน โมเด็ม และอุปกรณ์ต่อพ่วงให้อยู่ในสถานะว่าง ในสถานะนี้ PMU จะเริ่มและหยุดสัญญาณนาฬิกาและตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้าสำหรับบล็อกต่าง ๆโดยอัตโนมัติตามต้องการ

นักพัฒนาสามารถแทนที่โหมดย่อยพลังงานต่ำเริ่มต้นเป็นโหมดย่อยค่าเวลาแฝงคงที่ ในโหมดย่อยเวลาแฝงคงที่ PMU จะเก็บรักษาพลังงานให้กับทรัพยากรบางอย่าง โดยแลกการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นกับความสามารถในการให้ค่าเวลาแฝงของการตอบสนองที่คาดเดาได้ นักพัฒนาสามารถเรียกใช้โหมดพลังงานที่สามโดยใช้พินเปิดใช้งานภายนอก ซึ่งจะหยุดจ่ายไฟให้กับระบบทั้งหมด โดยทั่วไปความสามารถนี้จะใช้ในการออกแบบระบบที่ใช้ SiP nRF9160 เป็นตัวประมวลผลร่วมสำหรับการสื่อสารที่ควบคุมโดยตัวประมวลผลหลักของระบบโฮสต์

คุณสมบัติการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานเหล่านี้ช่วยให้ SiP สามารถใช้งานพลังงานต่ำได้ตามต้องการ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ติดตามทรัพย์สินจะมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อไมโครคอนโทรลเลอร์อยู่ในสถานะไม่ได้ใช้งานและไม่มีการจ่ายพลังงานให้กับโมเด็ม SiP จะใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 2.2 ไมโครแอมป์ (μA) พร้อมกับตัวนับแบบเรียลไทม์ที่ใช้งานอยู่ เมื่อปิดทั้งไมโครคอนโทรลเลอร์และโมเด็ม และพลังงานจะอยู่เฉพาะกับวงจรกระตุ้นที่ใช้พอร์ตเอนกประสงค์ (GPIO) เท่านั้น ซึ่ง SiP จะใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 1.4 μA

SiP ยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยใช้พลังงานต่ำในขณะที่ใช้โหลดในการประมวลผลต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น การเรียกใช้เกณฑ์มาตรฐาน CoreMark โดยใช้สัญญาณนาฬิกา 64 MHz ซึ่งใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 2.2 มิลลิแอมป์ (mA) แน่นอนว่าเมื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์ต่อพ่วงมากขึ้น การใช้พลังงานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตามการใช้งานด้านการตรวจสอบที่ใช้เซ็นเซอร์จำนวนมากมักจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในอัตราการทำงานที่ลดลง ซึ่งช่วยให้สามารถทำงานได้โดยใช้พลังงานต่ำ ตัวอย่างเช่น การใช้กระแสไฟฟ้าสำหรับรีจิสเตอร์แบบประมาณการสำเร็จ (SAR) แบบรวมผลต่าง ADC ลดลงจาก 1288 mA เป็นน้อยกว่า 298 mA เมื่อเปลี่ยนจากสัญญาณนาฬิกาแม่นยำสูงเป็นสัญญาณนาฬิกาแม่นยำต่ำสำหรับการสุ่มตัวอย่างในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งที่ 16,000 ตัวอย่างต่อวินาที (samples/s)

อุปกรณ์ยังใช้คุณสมบัติการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานอื่น ๆ สำหรับบล็อกการทำงานอื่น ๆ รวมถึง GPS ในโหมดการทำงานปกติ การติดตามอย่างต่อเนื่องด้วย GPS จะใช้พลังงานประมาณ 44.9 mA เมื่อเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน GPS กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในการติดตามอย่างต่อเนื่องจะลดลงเหลือ 9.6 mA เมื่อการลดอัตราการสุ่มตัวอย่าง GPS จากต่อเนื่องเป็นทุก ๆ สองนาทีหรือมากกว่านั้นนักพัฒนาก็จะสามารถลดการใช้พลังงานได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่นโมดูล GPS จะใช้พลังงานเพียง 2.5 mA เมื่อทำอัปเดต GPS แบบ Single-shot ทุก ๆ สองนาที

โหมดประหยัดพลังงานอื่น ๆ ยังใช้ได้กับโมเด็มของ SiP nRF9160 อีกด้วย ด้วยอุปกรณ์นี้นักพัฒนาสามารถเปิดใช้งานคุณสมบัติของโมเด็มที่รองรับโปรโตคอลเซลลูลาร์พิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อลดการใช้พลังงานในอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ใช้แบตเตอรี่

การใช้โปรโตคอลเซลลูลาร์พลังงานต่ำ

เช่นเดียวกับอุปกรณ์ไร้สายทั่วไป อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานมากที่สุดนอกเหนือจากตัวประมวลผลโฮสต์คืออุปกรณ์สัญญาณวิทยุ อุปกรณ์สัญญาณวิทยุเซลลูลาร์แบบเดิมใช้ประโยชน์จากโปรโตคอลการประหยัดพลังงานที่อยู่ในมาตรฐานเซลลูลาร์ สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เคลื่อนที่อื่น ๆ มักใช้ความสามารถที่เรียกว่าการรับสัญญาณไม่ต่อเนื่อง (DRX) ซึ่งทำให้อุปกรณ์สามารถปิดตัวรับสัญญาณวิทยุได้ในช่วงเวลาหนึ่งที่เครือข่ายของผู้ให้บริการรองรับ

ในทำนองเดียวกัน โปรโตคอลการรับสัญญาณแบบไม่ต่อเนื่องแบบขยาย (eDRX) ช่วยให้อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำเช่น ตัวติดตามทรัพย์สินที่ใช้แบตเตอรี่หรืออุปกรณ์ IoT อื่น ๆ วางแผนระยะเวลาพักเครื่องก่อนที่จะตรวจสอบกับเครือข่ายอีกครั้ง จากการเปิดใช้งาน eDRX อุปกรณ์ LTE-M สามารถพักเครื่องได้สูงสุดประมาณ 43 นาที ในขณะที่อุปกรณ์ NB-IoT สามารถพักเครื่องได้นานถึง 174 นาที ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างมาก

กราฟการประหยัดพลังงานของโมเด็ม Nordic nRF9160 SiPรูปที่ 4: โมเด็ม Nordic nRF9160 SiP รองรับการรับสัญญาณแบบไม่ต่อเนื่องแบบขยาย (eDRX) ซึ่งช่วยให้อุปกรณ์สามารถประหยัดพลังงานได้อย่างมากโดยการพักเครื่องเป็นระยะเวลาหนึ่งตามที่ได้ต่อรองกับเครือข่ายเซลลูลาร์ (แหล่งรูปภาพ: Nordic Semiconductor)

โหมดการทำงานของเซลลูลาร์อีกโหมดหนึ่งเรียกว่าโหมดประหยัดพลังงาน (PSM) จะช่วยให้อุปกรณ์ยังคงลงทะเบียนกับเครือข่ายเซลลูลาร์ แม้ว่าจะอยู่ในโหมดพักเครื่องและเครือข่ายไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยปกติแล้ว หากเครือข่ายเซลลูลาร์ไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เครือข่ายจะยุติการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์และให้อุปกรณ์ดำเนินการตามขั้นตอนการติดตั้งใหม่ซึ่งใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ในระหว่างการใช้งานอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่เป็นเวลานาน การใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยซ้ำ ๆ อาจทำให้แบตเตอรี่หมดหรือลดลงอย่างมาก

อุปกรณ์เปิดใช้โหมด PSM โดยให้ชุดค่าตัวจับเวลาแก่เครือข่าย ซึ่งระบุเวลาที่จะพร้อมใช้งานเป็นระยะ ๆ รวมถึงระยะเวลาที่สามารถเข้าถึงได้ก่อนกลับเข้าสู่โหมดพักเครื่อง

กราฟโหมดพักเครื่องโปรโตคอล PSM เซลลูลาร์รูปที่ 5: โปรโตคอล PSM เซลลูลาร์ช่วยให้อุปกรณ์สามารถใช้ประโยชน์จากโหมดพักเครื่องที่ใช้พลังงานต่ำได้โดยไม่ต้องเสียพลังงานในการติดตั้งใหม่โดยต่อรองช่วงเวลาที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ (แหล่งรูปภาพ: Nordic Semiconductor)

เนื่องจากการต่อรองของ PSM เครือข่ายผู้ให้บริการจึงไม่นำอุปกรณ์ออก ในความเป็นจริงอุปกรณ์สามารถเปิดใช้งานใหม่ได้ตลอดเวลาและกลับมาสื่อสารได้ต่อ ข้อดีคือจะใช้โหมดพักเครื่องพลังงานต่ำเมื่อไม่มีการสื่อสารโดยไม่สูญเสียความสามารถในการเรียกกลับมาใช้งานใหม่ตามต้องการและสามารถสื่อสารได้ทันที

SiP รุ่น NRF9160 รองรับทั้ง eDRX และ PSM ทำให้อุปกรณ์ทำงานได้โดยใช้พลังงานน้อยที่สุด เมื่ออยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยโหมด PSM อุปกรณ์จะใช้พลังงานเพียง 2.7 μA โดย eDRX ใช้กระแสไฟฟ้ามากกว่าเล็กน้อย โดยในการทำงานของ Cat-M1 ใช้พลังงาน 18 μA หรือใช้ 37 μA ในการทำงานของ Cat-NB1 ในขณะที่ใช้รอบ 82.91 วินาที

การพัฒนาโซลูชันการติดตามทรัพย์สินที่ใช้พลังงานต่ำ

การนำการออกแบบฮาร์ดแวร์สำหรับอุปกรณ์ติดตามทรัพย์สินที่ใช้ nRF9160 SiP มาใช้งานนั้นต้องมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมเล็กน้อยนอกเหนือจากส่วนประกอบแยกชิ้นส่วน เสาอากาศ และส่วนที่จำเป็นสำหรับแยกเครือข่ายที่จับคู่กันสำหรับเสาอากาศ GPS และ LTE (รูปที่ 6)

แผนภาพ nRF9160 SiP ของ Nordic Semiconductor (คลิกเพื่อขยาย)รูปที่ 6: การใช้ nRF9160 SiP ของ Nordic Semiconductor นักพัฒนาต้องการชิ้นส่วนเพิ่มเติมเล็กน้อย เพื่อใช้การออกแบบฮาร์ดแวร์สำหรับตัวติดตามทรัพย์สินที่ใช้เซลลูลาร์ที่สมบูรณ์หรืออุปกรณ์ IoT อื่น ๆ (แหล่งรูปภาพ: Nordic Semiconductor)

นักพัฒนาสามารถรวม nRF9160 SiP กับอุปกรณ์บลูทูธได้อย่างง่ายดาย เช่น ไมโครคอนโทรเลอร์บลูทูธไร้สาย NRF52840 ของ Nordic Semiconductor และเซ็นเซอร์ เพื่อใช้ตัวติดตามสินทรัพย์เซลลูลาร์ที่ใช้ GPS และมีเซ็นเซอร์ที่ซับซ้อนที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์มือถือที่ใช้บลูทูธอื่น ๆ

Nordic Semiconductor ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเริ่มประเมินการออกแบบที่ใช้เซลลูลาร์ได้อย่างรวดเร็วผ่านชุดการพัฒนาคู่หนึ่ง สำหรับการสร้างต้นแบบอุปกรณ์ติดตามทรัพย์สินที่ใช้เซ็นเซอร์ได้อย่างรวดเร็วนั้น ชุดพัฒนา IoT เซลลูลาร์ NRF6943 THINGY: 91 ของ Nordic Semiconductor มีระบบเซ็นเซอร์ที่ใช้แบตเตอรี่สำเร็จ ที่จับคู่ nRF9160 SiP กับอุปกรณ์บลูทูธ NRF52840 เซ็นเซอร์หลายตัว อุปกรณ์อินเตอร์เฟสของผู้ใช้ระดับพื้นฐาน และแบตเตอรี่ชาร์จไฟได้ขนาด 14000 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) และซิมการ์ด เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อเซลลูลาร์ได้ทันที (รูปที่ 7)

แผนภาพชุดพัฒนา IoT เซลลูลาร์ NRF6943 THINGY: 91 ของ Nordic Semiconductor (คลิกเพื่อขยาย)รูปที่ 7: ชุดพัฒนา IoT เซลลูลาร์ NRF6943 THINGY: 91 ของ Nordic Semiconductor เป็นแพลตฟอร์มสำเร็จรูปสำหรับการสร้างต้นแบบการใช้งานที่ใช้เซ็นเซอร์อย่างรวดเร็วด้วยการเชื่อมต่อกับทั้งเซลลูลาร์และบลูทูธ (แหล่งรูปภาพ: Nordic Semiconductor)

สำหรับการพัฒนาที่กำหนดเอง ชุดคิด NRF9160-DK ของ Nordic Semiconductor ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มการพัฒนาทันทีและการอ้างอิงสำหรับการออกแบบใหม่ แม้ว่าจะไม่มีเซ็นเซอร์เหมือนTHINGY: 91 ชุทคิท NRF9160-DK รวม nRF9160 SiP กับอุปกรณ์บลูทูธ NRF52840 และมีซิมการ์ดพร้อมกับตัวเชื่อมต่อหลายตัวรวมถึงอินเทอร์เฟซดีบัก SEGGER J-Link (รูปที่ 8)

แผนภาพชุดคิด NRF9160-DK ของ Nordic Semiconductor (คลิกเพื่อขยาย)รูปที่ 8: ชุดคิด NRF9160-DK ของ Nordic Semiconductor นำเสนอแพลตฟอร์มการพัฒนาที่ครอบคลุมสำหรับการใช้งานที่ใช้เซลลูลาร์แบบกำหนดเองสำหรับการติดตามทรัพย์สินและโซลูชัน IoT อื่น ๆ (แหล่งรูปภาพ: Nordic Semiconductor)

สำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ของแอปพลิเคชันติดตามทรัพย์สิน Nordic ได้รวมอุปกรณ์ติดตามทรัพย์สิน nRF9160 ด้วยชุดคิทพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) nRF Connect SDK รวมไลบรารีซอฟต์แวร์ nrfxlib ของ Nordic สำหรับ SoC Nordic fork ของระบบปฏิบัติการแบบเรียลไทม์ (RTOS) ของ Zephyr Project สำหรับอุปกรณ์ที่จำกัดทรัพยากร และ Nordic fork ของบูทโหลดเดอร์ที่ปลอดภัยของโปรเจ็ค MCUboot

ชุดคิท THINGY:91 และ NRF9160-DK มาพร้อมกับแอปพลิเคชันการติดตามทรัพย์สินที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม IoT nRF Cloud ของ Nordic ด้วยการใช้การตั้งค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้ากับชุดคิทชุดใดชุดหนึ่ง นักพัฒนาสามารถเริ่มประเมินการติดตามทรัพย์สินแบบใช้เซลลูลาร์และสร้างต้นแบบอุปกรณ์ของตนเองได้ทันที

นอกจากเฟิร์มแวร์ที่โหลดไว้ล่วงหน้าแล้ว Nordic ยังมีซอร์สโค้ดที่สมบูรณ์สำหรับแอปพลิเคชันติดตามทรัพย์สิน จากการตรวจสอบโค้ดนี้ นักพัฒนาสามารถเข้าใจความสามารถของ NRF9160 SiP และการใช้งานในการระบุตำแหน่ง GPS และการเชื่อมต่อ LTE-M/NB-IoT ในแอปพลิเคชันการติดตามทรัพย์สิน

ขั้นตอนหลักในซอฟต์แวร์ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการออกแบบพื้นฐานสำหรับแอปพลิเคชันการติดตามทรัพย์สินแบบกำหนดเอง เมื่อเริ่มต้น ขั้นตอนหลักจะเรียกใช้ชุดขั้นตอนการเริ่มต้นระบบ ในบรรดาขั้นตอนเหล่านั้น ขั้นตอนการเริ่มต้นระบบหนึ่งจะกำหนดค่าโมเด็มและสร้างการเชื่อมต่อ LTE โดยส่งชุดข้อความความสนใจ (AT) เพื่อกำหนดพารามิเตอร์การเชื่อมต่อและเรียกใช้ฟังก์ชันในตัวของโมเด็มเพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายผู้ให้บริการ ขั้นตอนการเริ่มต้นอื่น work_init เริ่มต้นชุดคิวงาน Zephyr RTOS รวมถึงปุ่มเซ็นเซอร์ GPS และบอร์ดพัฒนา (รายการที่ 1)

คัดลอก
static void work_init(void)
{
       k_work_init(&sensors_start_work, sensors_start_work_fn);
       k_work_init(&send_gps_data_work, send_gps_data_work_fn);
       k_work_init(&send_button_data_work, send_button_data_work_fn);
       k_work_init(&send_modem_at_cmd_work, send_modem_at_cmd_work_fn);
       k_delayed_work_init(&send_agps_request_work, send_agps_request);
       k_delayed_work_init(&long_press_button_work, long_press_handler);
       k_delayed_work_init(&cloud_reboot_work, cloud_reboot_handler);
       k_delayed_work_init(&cycle_cloud_connection_work,
                         cycle_cloud_connection);
       k_delayed_work_init(&device_config_work, device_config_send);
       k_delayed_work_init(&cloud_connect_work, cloud_connect_work_fn);
       k_work_init(&device_status_work, device_status_send);
       k_work_init(&motion_data_send_work, motion_data_send);
       k_work_init(&no_sim_go_offline_work, no_sim_go_offline);
#if CONFIG_MODEM_INFO
       k_delayed_work_init(&rsrp_work, modem_rsrp_data_send);
#endif /* CONFIG_MODEM_INFO */
}

รายการที่ 1: แอปพลิเคชันตัวอย่างของการติดตามทรัพย์สินที่ใช้ชุดอุปกรณ์ Zephyr RTOS สำหรับการจัดการคิว เพื่อสร้างชุดของคิวที่มีขั้นตอนการเรียกกลับที่เกี่ยวข้องสำหรับการจัดการงานต่าง ๆเช่น การรับข้อมูลเซ็นเซอร์และการส่งไปยังระบบคลาวด์ (แหล่งที่มาของโค้ด: Nordic Semiconductor)

ในระหว่างขั้นตอนการเริ่มใช้งานนี้ ฟังก์ชันที่เชื่อมโยงกับการเรียกใช้การเริ่มต้นคิวงานแต่ละงานจะดำเนินงานการเริ่มต้นเฉพาะของตนเอง รวมถึงสิ่งที่ต้องใช้ในการอัปเดตที่จำเป็น ตัวอย่างเช่น ฟังก์ชัน sensors_start_work_fn ที่เรียกใช้โดย work_init จะตั้งกลไกการสำรวจที่สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน env_data_send เป็นระยะ ๆ ซึ่งจะส่งข้อมูลเซ็นเซอร์ไปยังระบบคลาวด์ (รายการที่ 2)

คัดลอก
static void env_data_send(void)
{
[code deleted]
       if (env_sensors_get_temperature(&env_data) == 0) {
              if (cloud_is_send_allowed(CLOUD_CHANNEL_TEMP, env_data.value) &&
                  cloud_encode_env_sensors_data(&env_data, &msg) == 0) {
                     err = cloud_send(cloud_backend, &msg);
                     cloud_release_data(&msg);
                     if (err) {
                           goto error;
                     }
              }
       }
 
       if (env_sensors_get_humidity(&env_data) == 0) {
              if (cloud_is_send_allowed(CLOUD_CHANNEL_HUMID,
                                    env_data.value) &&
                  cloud_encode_env_sensors_data(&env_data, &msg) == 0) {
                     err = cloud_send(cloud_backend, &msg);
                     cloud_release_data(&msg);
                     if (err) {
                           goto error;
                     }
              }
       }
[code deleted]

รายการที่ 2: แอปพลิเคชันตัวอย่างของอุปกรณ์ติดตามทรัพย์สินของ Nordic แสดงให้เห็นรูปแบบการออกแบบพื้นฐานสำหรับการส่งข้อมูลรวมถึงข้อมูลเซ็นเซอร์ดังที่แสดงในโค้ดนี้ (แหล่งที่มาของโค้ด: Nordic Semiconductor)

เมื่อเรียกใช้แอปพลิเคชันตัวอย่างของอุปกรณ์ติดตามทรัพย์สินบนชุดพัฒนา IoT เซลลูลาร์ Nordic Semiconductor NRF6943 THINGY: 91 แอปพลิเคชันจะส่งข้อมูลจริงจากเซ็นเซอร์ออนบอร์ดของ THINGY: 91 เมื่อเรียกใช้โค้ดบนชุดพัฒนา NRF9160-DK ของ Nordic Semiconductor จะส่งข้อมูลจำลองโดยใช้ขั้นตอนจำลองเซ็นเซอร์ที่อยู่ใน SDK นักพัฒนาสามารถใช้ชุดซอฟต์แวร์นี้ได้อย่างง่ายดาย เพื่อใช้งานแอปพลิเคชันติดตามทรัพย์สินของตนเองหรือใช้ตัวอย่างโค้ดเพื่อใช้สถาปัตยกรรมแอปพลิเคชันของตนเอง

สรุป

ด้วยวิธีการดั้งเดิม ความสามารถในการติดตามพัสดุที่มีค่าหรือการค้นหาทรัพย์สินมูลค่าสูงในสภาพแวดล้อมทางการเกษตรและเมืองอัจฉริยะนั้นถูกจำกัดไว้ที่เทคโนโลยีไร้สาย เช่น แท็ก RFID บลูทูธ และ Wi-Fi นักออกแบบต้องการข้อมูลตำแหน่งที่หลากหลายและ แม่นยำมากขึ้นและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มาตรฐานเซลลูลาร์ LTE ที่ใช้พลังงานต่ำ เช่น LTE-M หรือ NB-IoT รวมกับ GPS สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ แต่การนำไปใช้งานอาจเป็นสิ่งท้าทาย เนื่องจากความยากและความแตกต่างกันของการออกแบบ RF

ดังที่แสดงไว้ SiP ของ Nordic Semiconductor เป็นโซลูชันแบบดรอปอินสำหรับการติดตามทรัพย์สินระยะไกลที่ใช้พลังงานต่ำใน ด้วยการใช้ SiP ที่ได้รับการรับรองล่วงหน้าและชุดการพัฒนา นักพัฒนาสามารถประเมินการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ได้อย่างรวดเร็ว สร้างต้นแบบแอปพลิเคชันติดตามทรัพย์สินที่ใช้ GPS แบบเซลลูลาร์ และสร้างอุปกรณ์ติดตามทรัพย์สินที่กำหนดเองซึ่งใช้ประโยชน์จากช่วงการใช้งานกว้างและความต้องการพลังงานต่ำของ LTE-M และการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ NB-IoT

DigiKey logo

Disclaimer: The opinions, beliefs, and viewpoints expressed by the various authors and/or forum participants on this website do not necessarily reflect the opinions, beliefs, and viewpoints of DigiKey or official policies of DigiKey.

About this author

Image of Stephen Evanczuk

Stephen Evanczuk

Stephen Evanczuk มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในการเขียนรวมทั้งประสบการณ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในด้านต่าง ๆ มากมายซึ่งรวมถึงฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ระบบและแอพพลิเคชั่นรวมถึง IoT เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกทางด้านระบบประสาทเกี่ยวกับเครือข่ายเซลล์ประสาทและทำงานในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยแบบกระจายจำนวนมากและวิธีการเร่งอัลกอริทึม ปัจจุบัน หากว่าเขาไม่ยุ่งกับการเขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีและวิศวกรรม ก็จะทำงานเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้การเรียนรู้เชิงลึกกับระบบการจดจำและการแนะนำ

About this publisher

DigiKey's North American Editors